top of page
  • Writer's pictureAddmin

Professional เขาแรงเงากันแบบนี้

การวาดภาพหนึ่งภาพสำหรับdrawing ต้องมีหลายองประกอบที่ประกอบด้วยกันทั้งการวาดเส้นเทคนิคการจับดินสอเทคนิคการวาดส่วนตัวของศิลปินที่ ยึ้ดมั่นในstyle ของตัวเองแต่องประกอบรูปก็ยังไม่สมบูรณ์เพราะขาดสิ่งสำคัญของรูปไปไม่ได้เลยที่จะสามารถทำให้รูปมีองค์ประกอบที่ครบและมีมิติของรูปมากขึ้นนั้นก็การแรงเงาการแรเงาเป็นการเพิ่มชั้นหรือ layer ให้กับภาพเพื่อให้ภาพมีความสมบูรณ์โดยการแรเงาภาพเป็นส่วนของการวาดภาพสามมิติ ภาพเหมือน view interior Designer และศาสตร์อื่นๆอีกของการ drawing แต่ทำไมแรเงาถึงเพี้ยนไม่เหมือนกับรูปภาพจริง และเขาแรไงกันแบบไหนกันถึงดู professional ล่ะ



การวาดภาพให้ดูธรรมขาติและมีความระเอียดอ่อนของน้ำหนักปลายดินสอ professional อยู่ใกล้แค่เอื้อม ประการแรกเราต้องรู้ถึงความรู้พื้นฐานและทฤษฏีมันเสียก่อน การแรเงาหรือการสร้างรอยดินสอ ปากกาหรืออื่นๆ ด้วยการควบคุมน้ำหนักผ่อนหนักเบาในการ ขีด เขียน เกลี่ย ปาด ทับ ไขว้ และใช้รอยเหล่านี้สร้างน้ำหนักให้เกิดลักษณะผิวของธรรมชาติ หรือปริมาณมาตรของรูปทรง น้ำหนักที่ไล่เรียงจากอ่อนไปหาแก่อย่างสม่ำเสมอนี้

เรียกว่า ค่า VALUE ของสีหรือน้ำหนักที่ระบายเป็นระยะอ่อน กลาง แก่ ค่าของระยะอ่อนแก่เหล่านี้นิยมเรียกกันว่า น้ำหนักการแรเงาน้ำหนักจึงเป็นการสร้างเงาในภาพ ให้ดูมีความลึกมีระยะใกล้ไกลและดูมีปริมาตร เปลี่ยนค่าของรูปร่างที่มีเพียง 2 มิติให้เป็น 3 มิติ


ทำให้รูปร่างที่มีเพียงความกว้าง-ยาวเปลี่ยนค่าเป็นรูปทรงมีความตื้นลึกหนา บางเกิดขึ้น ความตื้นลึกหนาบางนี่เป็นความรู้สึกเท่านั้น และการทำให้เกิดภาพเช่นนี้ก็คือ เทคนิคในการสร้างภาพลวงตา ILLUSION เป็นวิธีการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างหนึ่งและน้ำหนักการวาดเขียนจึงมรความสำคัญมาก โดยบริเวณมืดและสว่างขององค์ประกอบต่างๆ ในภาพเขียน และยังแสดงความอ่อนแก่ระดับต่างๆ จากดำมาขาวให้แก่รูปทรงที่มีอยู่ในภาพ ทำหน้าที่แสงเงาให้แก่รูปทรง และรวมไปถึงลักษณะของน้ำหนัก มี 2 มิติ คือ กว้างกับยาว มีทิศทาง มีความยาว ความสั้น ความโค้ง หรือเป็นคลื่น มีรูปร่าง กลม เหลี่ยม หรืออิสระตามลักษณะของรูปทรง มีความอ่อน แก่ และลักษณะผิวต่างๆ ตามแบบหรือหุ่นที่วาด



หน้าที่ของน้ำหนัก ในการวาดเขียนนั้น ให้ความแตกต่างระหว่างรูปทรงกับพื้นที่ หรือรูปทรงกับที่ว่างและให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวต่อการนำสายตาผู้ดู บริเวณที่น้ำหนักตัดกันจะดึงดูดความสนใจ ถ้าตัดกันหลายแห่งจะนำสายตาให้เคลื่อนที่จากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณ หนึ่ง ทั้งนี้จะเป็นไปตามจังหวะที่ผู้เขียนกำหนดไว้นั่นเอง ซึ่งอาจกลมกลืนหรือตัดกัน

อย่าง รุนแรง อีกยังให้ความเป็น 2 มิติ หรือ 3 มิติแก่รูปทรง ความรู้สึกในภาพ ด้วยการประสานกันของน้ำหนัก



และแนวคิดง่ายๆในการแรเงาน้ำหนัก เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ เพราะอาศัยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ หรือต้นแสงจากแหล่งกำเนิดอื่น เมื่อมีแสงสว่างก็ต้องมีเงาควบอยู่ด้วย และแสงเงาทำให้เรามองเห็นวัตถุที่ผิวสีเดียวกันมีน้ำหนักแตกต่างกัน เช่น วัตถุสีขาวส่วนที่ถูกแสงจะเป็นสีขาวสว่างจ้า แต่ส่วนที่ไม่ถูกแสงจะขาวหม่น ทั้งที่วัตถุนั้นก็เป็นสีขาวเท่ากันตลอดพื้นผิว


เมื่อธรรมชาติของแสงเงาให้ผลที่มองเห็นเช่นนี้ ผู้เขียนจำต้องเข้าใจการจัดน้ำหนักอ่อนแก่ให้ได้ใกล้เคียงกับน้ำหนักของแสง ที่ตกกระทบผิววัตถุ เพราะความแตกต่างของน้ำหนักทำให้เกิดความรู้สึกที่ต่างกันไปได้ เช่น น้ำหนักสีที่อ่อนให้ความรู้สึกเบา น้ำหนักสีที่แก่ทำให้ดูแล้วรู้สึกหนัก นอกจากนี้ยังทำให้เกิดระยะต่างๆ ในการมองเห็น ตลอดจนความรู้สึกด้านความงามในทางศิลปะ


LAYER SHADOW SHADE



เทคนิคที่นิยมใช้กันนั้นอย่างแรกคทอให้แสงเข้าทางด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นเงา เป็นวิธีการที่ใช้ในการเขียนภาพเหมือนจริงทั่วไป อย่างต่อไปควรให้แสงเข้าตรงหน้า ส่วนที่อยู่ใกล้จะมีน้ำหนักอ่อน ส่วนที่อยู่ไกลจะมีน้ำหนักแก่ น้ำหนักที่ใช้ในวิธีนี้เรียกว่า จิอารอสคูโร (CHIAROSCURO) เป็นภาษาอิตาเลียน แปลว่า ความสว่างและความมืด อันต่างไปจากการให้ปริมาตรของรูปทรงด้วยการให้แสงเงาทั่วไป อบ่าต่อไปกำหนดให้แสงขึ้นจากจุดกลางภาพ ส่วนมากจะใช้แสงเทียนหรือแสงไฟฟ้าและให้แสงเกิดขึ้นในจุดที่ต้องการ ส่วนอื่นให้อยู่ในเงามืด และควรคำนึงให้แสงกระจายเลื่อนไหลไปทั่วภาพ เน้นความใกล้ ไกล ลึก ตื้นด้วยบรรยากาศของน้ำหนักจนเกือบไม่คำนึงถึงปริมาตรของรูปทรง ให้น้ำหนักอ่อนทั้งรูปและพื้น ไม่เน้นปริมาตรของรูปทรง แต่เน้นความสว่างของแสงให้จ้า ไม่มีเงาและอย่างสุดท้าย ให้แสงเต้นระริกกระจายไปทั่วภาพ


ลักษณะของแสงเงาที่ใช้ในการวาดเขียน

แบ่งออกเป็น 6 ค่า

1. แสงสว่างที่สุด (HIGH LIGHT) เป็นบริเวณที่วัตถุกระทบแสงโดยตรง ทำให้ส่วนนั้นมีน้ำหนักอ่อนที่สุด ถ้าวัตถุเป็นสีขาวบริเวณนั้นจะปล่อยว่าง ไม่ต้องลงเงาก็ได้ 2. แสงสว่าง (LIGHT) เป็นบริเวณที่ไม่ถูกแสงโดยตรง แต่มีบางส่วนที่ได้รับอิทธิพลจากแสง การลงน้ำหนักบริเวณนี้ต้องให้อ่อนจางแต่แก่กว่าบริเวณแสงสว่างที่สดุดเล็ก น้อย 3. แสงสะท้อน (REFLECTED LIGHT) เป็นบริเวณของวัตถุที่ไม่ได้กระทบแสงโดยตรง หากอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเงาแต่ถูกแสงสะท้อนจากวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ กันมากระทบ น้ำหนักของบริเวณนี้จะอ่อนกว่าบริเวณที่เป็นเงา ค่าของแสงสะท้อนจะให้ความรู้สึกในภาพมีมิติ มีมวลสาร มีชีวิตชีวา ดูเหมือนมีอากาศอยู่รอบๆ 4. เงา (DARK) เป็นบริเวณที่ได้รับอิทธิพลของแสงน้อยมาก ซึ่งเงาบริเวณนี้จะต้องแรเงาให้มีน้ำหนักเข้มกว่าบริเวณแสงสว่างพอประมาณ พอที่จะแยกแสงและเงาออกจากกันได้ 5. เงามืด (DARKEST) เป็นบริเวณที่ไม่ได้รับอิทธิพลของแสงจึงต้องแรเงาด้วยน้ำหนักที่เข้มกว่าบริเวณอื่นๆ ทั้งหมดของวัตถุ 6. เงาตกทอด (CAST SHADOW) เป็นบริเวณที่เงาของวัตถุนั้นๆ ทอดไปตามพื้นที่รองรับวัตถุ โดยจะมีน้ำหนักแก่กว่าบริเวณแสงสะท้อน ขนาดและรูปร่างของเงาตกทอดจะขึ้นอยู่กับทิศทางของแสง รูปร่างของวัตถุและพื้น


จากบทความที่กล่าวไปนั้นเป็นขั้นตอนและเทคนิคที่ครบถ้อนสมบูรณ์ต่อการเป็น professional แต่หากเรียนรู้แล้วไม่ฝึกฝนก็เหมือนไม่ได้อะไร การที่จะทำงานให้สวยมีอารมณืไปกับภาพนั้นศิลปินควรมีการฝึกฝนที่หนักและบ่อยครั้งโดยมีอารมณ์ไปกับการวาด






********

อ้างอิง

pukpuy388@gmail.com. การแรเงา. [ออนไลน์]

เข้าถึงได้จาก https://sites.google.com/site/pukpuykaojoho/sux-kar-reiyn-kar-sxn-wicha-silpa. (วันที่ค้นข้อมูล : 17 กุมภาพันธ์ 2561).

pookanart. การวาดเส้นคืออะไร [ออนไลน์]

เข้าถึงได้จาก https://pookanart2014.wordpress.com/2014/05/07/แสงและเงา-light-shade/. (วันที่ค้นข้อมูล : 17 กุมภาพันธ์ 2561).

NALUMON DARAWANKUL. SHADE&SHADOW. [ออนไลน์]

เข้าถึงได้จาก https://sites.google.com/site/ar5216680412/shade-shadow. (วันที่ค้นข้อมูล : 17 กุมภาพันธ์ 2561).




6,307 views0 comments

Comments


bottom of page